ปัจจัย 5️⃣ ประการ ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเจอผู้ให้บริการไร้คุณภาพ ❌ ?? . จากกรณีดราม่างานแต่งงาน ที่เป็นข่าวอยู่ ในปัจจุบัน พวกเรา ทีมงาน ฟ้าเอเวอร์โฟโตกราฟฟี่ ขอเป็นกำลังใจให้บ่าวสาวทุกคู่ผ่านเรื่องราวนี้ไปได้อย่างดีที่สุดนะคะ . และสำหรับคู่บ่าวสาวที่กำลังเตรียมงานอยู่นั้น บีมขออนุญาต แชร์ความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับวิธีการที่จะระมัดระวังไม่ให้ต้องตัดสินใจผิดพลาดเอาไว้ซักนิดนะคะ . พูดตามตรงว่าการที่ทำงานในวงการนี้มาหลายปี ก็จะพบเจอคู่บ่าวสาวที่ตัดสินใจผิดพลาดไป มาเยอะพอสมควรค่ะ บางคู่ไหวตัวทัน ก็แก้ไขกันไปเพียงแค่ยอมตัดใจเสียเงินเพิ่ม บางคู่กว่าจะรู้ตัวก็สายไป มาปรึกษา กันหลังจากจบงานวันสำคัญเองตัวเองไปแล้ว ก็มีไม่น้อยค่ะ . คู่บ่าวสาวที่ตัดสินใจผิดพลาดไปส่วนมาก จะมีเหตุผลคล้ายๆกัน ที่ทำให้ตกหลุมพรางของ มิจฉาชีพในคราบของมืออาชีพ ดังนี้ค่ะ . 1. หาข้อมูลน้อย เน้นง่าย อยากให้จบในที่เดียว >> ซึ่งความเป็นจริงอยากให้ตระหนักกันซักนิดค่ะ ว่า ไม่มีใครที่ทำอะไรเก่งไปทุกอย่าง และที่สำคัญคือ พอเรามีข้อมูลน้อย เราก็จะไม่ทราบถึงกลโกงและความแตกต่าง ของราคาเฉลี่ย หรือวิธีการให้บริการแต่ละอย่างในตลาดค่ะ . 2. เอาราคาเป็นที่ตั้ง เน้นถูกเข้าว่า >> ความเป็นจริงคือ ของถูกและดีไม่มีอยู่จริง และของแพงกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าดีกว่าเสมอไป ลองคิดดูง่ายๆว่า ถ้าคุณเองเป็นคนขายของ และของที่คุณขาย สามารถขายได้ในราคา 5,000 บาท หรือมีต้นทุนในราคา 5,000 บาท คุณจะยอมขายมันในราคา 500 บาทหรือไม่คะ? นั่นแหละค่ะ เหตุผลเดียวกันเลยค่ะ แต่ก็เข้าใจค่ะว่าทุกคู่ไม่ได้มีงบเยอะเหมือนกันหมด ดังนั้น บีมขอแนะนำให้หาของที่คุ้มค่าที่สุดในการจ่ายไป ดีกว่าโฟกัสแค่ราคาว่าอันไหนถูกกว่าค่ะ ซึ่งจะรู้ได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่ ก็ต้องตรวจสอบความต้องการของคู่ตัวเองให้ดีก่อน และต้องหาข้อมูลค่ากลางของตลาดควบคู่ไปด้วยค่ะ แต่ละคู่ก็จะมีความต้องการและให้ความสำคัญกับแต่ละอย่างต่างกัน ดังนั้น คำตอบตายตัวว่าควรจะลงทุน กับอะไรเท่าไหร่จึงไม่มีค่ะ ขึ้นกับแต่ละคู่ ส่วนที่บอกว่าของแพงก็ไม่ได้หมายความว่าจะดี อันนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ ดังนั้นเราจึงต้องอาศัย ข้อ 3 เป็น ตัวช่วยค่ะ . 3. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ของสิ่งที่จะเลือกอย่างมีสติ >> เน้นย้ำว่ามีสตินะคะ เพราะการตรวจสอบความน่าเชื่อถือมีหลายวิธีมากค่ะ เช่น อ่านfeedback จากลูกค้าเก่า ดูจาก Website บทความโฆษณา หรือสอบถามจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง เป็นต้นค่ะ ซึ่งแหล่งข้อมูลต่างๆก็มีที่มาต่างกันไปค่ะ บางWebsite อาจจะแนะนำ เพราะได้ค่าโฆษณา แต่บางที่ก็มีการคัดกรองมาแล้วระดับนึง หรือบางทีการ search google ว่า ผู้ให้บริการที่เราสนใจ มีดราม่ามาก่อนหรือไม่ โดยการพิมพ์ว่า pantip แล้วไม่กดเข้าไปอ่านเนื้อความ ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ค่ะ เพราะพวกเรา ฟ้าเอเวอร์โฟโตกราฟฟี่เองก็เคยโดนสอบถาม เพราะเจ้าสาวที่พวกเราดูแลช่วงงานเย็น ได้ใช้บริการช่างภาพ เจ้าอื่นในช่วงเช้า ซึ่งบ่าวสาว มีปัญหากับเจ้านั้นค่ะ เลยนำไปโพสต์ในpantip พร้อมกับ ให้เครดิตเปรียบเทียบว่าพวกเรา ดูแลดีมาก เลยทำให้มีชื่อแบรนด์พวกเราอยู่ในกระทู้ค่ะ ถ้าไม่กดไปอ่านเนื้อความก็อาจจะเข้าใจผิดได้ค่ะ ดังนั้นการตรวจสอบควรทำหลายๆทางคู่กัน และทำอย่างรอบคอบและมีสติค่ะ . 4. คู่บ่าวสาว ที่เตรียมงานกระชั้นชิด >> คู่บ่าวสาวปัจจุบัน เตรียมงานกันนานมากค่ะ อย่างเช่นตอนนี้คิวงานของทีมเราที่จองล่วงหน้าไกลที่สุดคือเดือนธันวาคมปีหน้าค่ะ ส่วนมากผู้ให้บริการที่เป็นมืออาชีพ มักจะถูกจับจองไปก่อน ล่วงหน้า เป็นปีๆ ดังนั้นการที่บ่าวสาวมีเวลาเตรียมงานน้อยๆ จะทำให้เหลือตัวเลือกไม่มากนัก รวมถึงมีเวลาตัดสินใจหาข้อมูลน้อย ทำให้ต้องไปเลือกผู้ให้บริการที่ ยังเหลือว่างอยู่ซึ่งต้องยอมรับ ว่ามีกลุ่มที่เป็นนักฉวยโอกาส เพราะเห็นว่าตลาดเวดดิ้ง เป็นตลาดที่เงินสะพัดปะปนอยู่ . 5. จัดงานในวันมหาฤกษ์ (ฤกษ์ดีแบบ Top Hit) >> อย่างที่กล่าวไปใน ข้อ 4 ค่ะ ยิ่งเป็นคู่ที่เลือกแต่งวันฤกษ์ดี หรือช่วงหน้างาน อย่าง พย. ธค ของแต่ละปี ที่คนนิยมแต่งงานกันมาก แน่นอนว่า เมื่อความต้องการมีมาก ผู้ให้บริการที่มีอยู่ในตลาดซึ่งจำนวนจำกัด ก็แทบจะไม่พออยู่แล้วค่ะ ยังไม่นับว่า ในจำนวนผู้ให้บริการทั้งหมด ก็มีทั้งที่มีและไม่มีคุณภาพ ปะปนกันไป ทำให้ตัวเลือกดีๆยิ่งเหลือน้อยลงไปอีกค่ะ ดังนั้น เมื่อความต้องการมากจนล้นก็เป็นช่องโหว่ให้เหล่ามิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสได้มีงาน เพราะว่าบ่าวสาวไม่มีทางเลือก เป็นเหตุให้เกิดดราม่า ดังที่เห็นกันได้บ่อยๆ ในแต่ละปีค่ะ . และทั้งหมดนี้ก็เป็นสาเหตุเบื้องต้น ที่อาจจะทำให้คุณตกเป็นคู่บ่าวสาวที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องเสียรู้ เสียใจ เสียอารมณ์กับเหล่าผู้ให้บริการที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ หรือแม้แต่เหล่ามิจฉาชีพค่ะ . สุดท้าย พวกเรา #FaheverPhotography ขอให้คู่บ่าวสาวทุกคู่ที่กำลังเตรียมงาน ได้มีงานแต่งงานอย่างที่ตัวเองอยากมี ในงบประมาณที่เอื้อมถึง […] Read More
                  สวัสดี ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ของ Fahever Photography ค่ะ พบกันอีกแล้วนะคะ กับบทความดีๆเกี่ยวกับเทคนิคเคล็ดลับต่างๆ เกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงานค่ะ     เนื่องจากว่า เดี๋ยวนี้ คู่บ่าวสาวที่เตรียมงาน มักจะหันมาใส่ใจและเห็นความสำคัญ ของรายละเอียดเล็กๆภายในงานที่จะทำให้สามารถถ่ายภาพของมาได้สวยงามกันมากขึ้นค่ะ   วันนี้บีมเลยมีอีก 1 เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้ภาพงานแต่งงานของคุณ ถูกบันทึกออกมาอย่างสวยงาม โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลย ซักบาท มานำเสนอค่ะ   ตัวอย่างภาพจากทีมช่างภาพFAHEVER PHOTOGRAPHY ที่เก็บภาพมาได้หลากหลายมุมเนื่องจากเค้กถูกจัดวางไว้กลางห้องค่ะ                 วิธีง่ายๆที่บีมกำลัง พูดถึงอยู่นี่ ก็คือ การใส่ใจกับ ตำแหน่งการวางเค้กแก้วแชมเปญ ซุ้มต้นไม้ ซุ้มเททราย ให้อยู่ กลางห้องค่ะ โดยเฉพาะ หากห้องเป็นห้อง ที่สมมาตรกัน การวางตำแหน่งของ เค้ก หรืออื่นๆ ไว้ตรงกลางจะทำให้ ช่วงเวลาสำคัญอย่างตอนตัดเค้ก รินแชมเปญ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ สำคัญของงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ช่วงเที่ยงหรือ ช่วงเย็น จะดูสวยงาม สง่างาม บ่าวสาวจะโดดเด่นขึ้นมาเป็นจุดสนใจ ของงานค่ะ               ถามว่าทำไมบีมถึง นำเรื่องนี้มาพูดถึงกันนะคะ ต้องบอกเลยว่า หลายๆครั้งบีมมักจะพบความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการวางเค้ก จากบ่าวสาวที่กลับมาบ่นเสียดาย หลังจากจบงาน ว่ารูปช่วงตัดเค้กดูไม่อลังการ เท่าที่ควรเลย รู้แบบนี้วางตรงกลางตามที่ช่างภาพแนะนำดีกว่า ส่วนมากมักจะเข้าใจผิดกันดังนี้ค่ะ                 >> 1.กลัวว่า การวางเค้กไว้ตรงกลางห้องจะบังเวที แต่จริงๆแล้ว ถ้าวางแบบมีการเว้นระยะห่างออกมาจากหน้าเวทีซักหน่อยก็จะไม่บดบังเวทีแต่อย่างใดค่ะ                  >> 2. กลัวว่าเวลาเดินเข้างานจะต้องเดินอ้อมเค้ก แต่จริงๆแล้ว การที่เราเดินอ้อมแค่ไม่กี่ก้าว จะทำให้เราได้ภาพที่เหลือสวยขึ้นนะคะ แถมได้ระยะทางการเดินมากขึ้น ได้ภาพ ช่วงเดินเข้างานเยอะขึ้นอีกด้วยค่ะ                         นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุผลค่ะที่ บางทีกลัวว่าห้องจะแน่นไป จะกินพื้นที่ของห้อง ซึ่ง ตามความเห็นของบีม ถ้าหากบ่าวสาว ให้ความสำคัญ กับภาพถ่ายสวยๆ ความทรงจำดีๆ ในวันแต่งงาน การยอมสละ พื้นที่เพียงเล็กน้อยก็ ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียวค่ะ เพราะว่าถ้าจะให้คิดคำนวนกันจริงๆแล้ว การวางเค้ก ไว้บนเวทีหลัก กับแยกออกมา กินพื้นที่ต่างกันไม่มากเลยค่ะ แต่ภาพที่ออกมาสวยคุ้มค่ากว่ามากจริงๆค่ะ ตัวอย่างมุมถ่ายรูปที่หลากหลาย เนื่องจากเค้กที่วางอยู่ตรงกลางห้อง ช่วยให้ทีมช่างภาพ FAHEVER PHOTOGRAPHY ทำงานสะดวกมากขึ้นค่ะ                     ทีนี้ ลองมามองในมุมของช่างภาพกันบ้างนะคะ การวางเค้กในตำแหน่ง กลางห้อง นั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง                    >> 1.ช่างภาพสามารถใช้พื้นที่ โดยรอบ 360องศา ในการวิ่งเก็บภาพ ให้กับบ่าวสาวได้ครบทุกมุมเลยค่ะ ไม่ว่าหน้างานขณะที่บ่าวสาวออกไปยืนตัดเค้ก จะมีญาติๆ เพื่อนๆตากล้อง smart phone เข้ามารุมถ่ายจากทิศทางไหน อย่างน้อยช่างภาพก็ยังมีพื้นที่ให้วิ่ง หามุมสวยๆเก็บภาพได้ค่ะ ไม่ว่าบ่าวสาวจะเลือก ห้องที่มี แชนเดอร์เลีย โคมไฟ เพดานสูง ขนาดไหนก็สามารถเก็บได้หมดค่ะ VS เทียบกับการวางไว้บนเวที […] Read More
3 Steps เพื่อภาพพรีเวดดิ้ง  (Pre-Wedding) สวยเป๊ะ _PART 1 : ก่อนวันถ่ายภาพ สวัสดีว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ทุกๆท่านค่ะ วันนี้ บีมและ ทีมงาน FAHEVER PHOTOGRAPHY มีอีก 1 บทความน่าสนใจเกี่ยวกับการเตรียมตัวแต่งงานมาเล่าสู่กันฟังค่ะ การแต่งงานในปัจจุบัน คู่บ่าวสาวแทบทุกคู่ มักจะต้องมีการถ่ายพรีเวดดิ้ง หรือ ภาพคู่ก่อนแต่งงานเพื่อนำไป ทำการ์ดเชิญ ทำ Presentation  หรือ ประดับตกแต่งหน้างานกันใช่มั้ยล่ะคะ? ดังนั้นคำถามที่ ทีมงานฟ้าเอเวอร์ โฟโตกราฟฟี่ มักจะพบบ่อยๆก็คือ ถ้าจะถ่ายพรีเวดดิ้ง จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะ มาไขข้อข้องใจนี้กันค่ะ โดย บีมจะขออนุญาต แบ่งเป็น 3 Steps ใหญ่ๆ  นะคะแต่เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างยาวเลย ต้องขอแบ่งเป็น 2 Parts นะคะ โดยท่านที่จองPackage เตรียมการทุกอย่างไปหมดแล้วสามารถ ข้ามไปอ่าน Parts 2 ได้ที่ 3 Steps เพื่อภาพพรีเวดดิ้ง  (Pre-Wedding) สวยเป๊ะ _PART 2 :  เมื่อถึงวันถ่ายภาพ ค่ะ Steps  1 :: ก่อนจะตัดสินใจจอง Package ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ก่อนที่บ่าวสาวจะจองPackage ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ก็แน่นอนว่าจะต้องมีการหาข้อมูล ทั้งรายละเอียดราคา ของช่างภาพ หรือสตูดิโอหลายๆเจ้าเพือเปรียบเทียบกันใช่มั้ยคะ ?  เมื่อหาข้อมูลมากๆเข้าก็จะเริ่มสับสนว่า เลือกเจ้าไหนดีน้าา บีมมีวิธีการในการตัดสินใจง่ายๆมาบอกค่ะ 1.1. เลือกช่างภาพ ให้เลือกจากสไตล์ภาพ สไตล์งานที่ชอบ อย่าโฟกัสแค่เพียงราคา >> อย่างที่บีมย้ำเสมอๆนะคะ  ของที่ถูกที่สุด อาจจะไม่ใช่ของที่ดี ที่สุดเสมอไป สิ่งที่บ่าวสาวควรจะมองหาคือ ความคุ้มค่าระหว่างสิ่งที่บ่าวสาวได้รับกับเงินที่จ่ายไปค่ะ อย่ามองแค่เพียงตัวเงิน อย่างเดียว เพราะภาพเหล่านี้จะเป็นภาพที่จะอยู่กับเราไปตลอดค่ะ  ให้เราเลือกช่างภาพ จากผลงานที่ตรงใจ สไตล์ภาพที่ชอบเป็นสำคัญนะคะ เพราะถึงแม้รูปภาพนี้จะถ่ายใหม่ได้ แต่ก็คงไม่มีใครอยากเสียเงิน เสียเวลาหลายๆรอบ จริงมั้ยคะ? อย่าคิดว่าจ้างเจ้าที่ถูกกว่าแล้ว เอาภาพแบบเจ้าที่แพงกว่าไปให้เค้า เลียนแบบเอานะคะ เพราะดีไม่ดี คุณอาจจะพลาดทั้งรูปแบบภาพในสไตล์ภาพที่คุณชอบจริงๆ และพลาดสไตล์ภาพที่ช่างภาพที่คุณจ้างทำได้ดีจริงๆไปก็ได้ค่ะ แน่นอน ของเลียนแบบยังไงก็สู้ Original ไม่ได้หรอกค่ะ เลือกสไตล์ที่ชอบแล้วให้ช่างภาพเค้าแสดงฝีมือให้เต็มที่ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ 1.2 คุยรายละเอียดสิ่งที่จะได้รับ และเงื่อนไขต่างๆให้ชัดเจน >>   อย่าขี้เกียจอ่านรายละเอียดสิ่งที่ช่างภาพ หรือ สตูดิโอ แจ้งมานะคะ อ่านให้ชัดเจนว่า Package ที่คุณเลือกนั้นได้อะไรบ้าง  เช่น ให้ไฟล์ภาพทั้งหมดหรือไม่ อย่างไร ? เงื่อนไขการออกต่างจังหวัด หรือ เงื่อนไขการ Retouch หรือ ตกแต่งแสงสี *** ตกแต่งแสงสี กับ Retouch แก้ไขสัดส่วนรูปร่างเป็นคนละอย่างกันนะคะ หากไม่เคลียร์ตรงไหน สอบถามให้เข้าใจไปเลยค่ะ อย่าเกรงใจจนไม่กล้าถามอะไรนะคะ  บีมแนะนว่าให้คุยให้เคลียร์ อ่านให้เข้าใจแล้วค่อยวางมัดจำนะคะ ถ้าหากเค้าไม่ยินดีตอบเรา นั่นก็พอคัดกรอง service minds ของเค้าได้ในระดับนึงอีกด้วยค่ะ 1.3 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการถ่ายพรีเวดดิ้ง อย่างถูกต้อง >>  บ่าวสาวหลายๆคู่มักจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ พรีเวดดิ้งอยู่ คล้ายๆกันค่ะ บีมขอรวบรวมมาให้เข้าใจกันดังนี้นะคะ #  การเปลี่ยนชุดเยอะๆ ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไปค่ะ เพราะว่าการเปลี่ยนชุดก็ต้องมีการเปลี่ยนโทนการแต่งหน้า และทรงผม ทำให้แทนที่เราจะใช้เวลาไปกับการถ่ายภาพ กลับต้องแบ่งเวลาไปกับการเปลี่ยนชุด ทำให้บ่าวสาวได้ภาพน้อยลงตามไปด้วยค่ะ #   การย้ายสถานที่ถ่ายภาพ ใน 1 วัน ก็เช่นเดียวกันค่ะ โดยเฉพาะการจราจรใน กทม. เดี๋ยวนี้ก็ทำให้บ่าวสาวเสียเวลาถ่ายภาพไปมากขึ้นอีกค่ะ #   ถ่ายภาพ indoor ไม่ได้น่าเบื่อเสมอไปนะคะ  ปัจจุบัน มีสตูดิโอถ่ายภาพสวยๆ ในร่มให้เลือกมากมายเลยค่ะ ข้อดี ก็คือ บ่าวสาวสามารถเลือกถ่ายเดือนไหนก็ได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงฝนตกค่ะ หรือถ้าหากเจ้าบ่าว ขี้ร้อนเป็นคนเหงื่อ ออกเยอะ การไปตากแดดประเทศไทยกลางแจ้งนานๆ นี่ ทำเอาผู้ชายอกสามศอก เป็นลมมาไม่น้อยนะคะ เพราะอย่าลืมว่าชุดแต่งงาน ชุดสูทนั้น น้ำหนักไม่เบา แถมอึดอัดไม่น้อยเลยค่ะ ยิ่งถ้าหากบ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้ง […] Read More
3 Steps เพื่อภาพพรีเวดดิ้ง  (Pre-Wedding) สวยเป๊ะ _PART 2 :  เมื่อถึงวันถ่ายภาพ หลังจากอ่าน บทความ 3 Steps เพื่อภาพพรีเวดดิ้ง  (Pre-Wedding) สวยเป๊ะ _PART 1 กันไปเรียบร้อย ได้ผ่านการเตรียมการ ก่อนวันถ่ายกันมาเป็นอย่างดีแล้ว ก็มาถึงตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ นั่นก็คือ การเตรียมตัว ในวันถ่ายภาพ พรีเวดดิ้งนั่นเองค่ะ จะมีอะไรบ้างไปลุยกันเลยค่ะ  Steps 3 :: เมื่อถึงกำหนดถ่ายพรีเวดดิ้ง เมื่อวันถ่ายภาพใกล้เข้ามา เราก็จะเริ่มคิดจริงจังว่าเรา ต้องเอาอะไรไปบ้างน้า ต้องเตรียมตัวยังไงในช่วยระยะเวลาใกล้ๆนี้บ้าง บีมขอแนะนำหลักการง่ายๆดังนี้เลยค่ะ 3.1 เมื่อถึงวันถ่ายภาพ ให้รักษาเวลา ไปให้ตรงเวลานัด >> แทบจะทุกสถานที่มีระยะเวลาจำกัดค่ะ หลังจากการเตรียม งานทั้งหมดนั้น ทีมงานได้วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วค่ะ ว่าจะเก็บแสงช่วงไหน กับชุดอะไร ใช้เวลาแค่ไหน ดังนั้นการที่ทีมงานนัดหมาย แล้วบ่าวสาว มาสาย ก็จะทำให้ตัวบ่าวสาว พลาดโอกาสดีๆที่จะได้ภาพที่ดีที่สุดไปนะคะ ถ้าหากว่าต้องไปสถานที่ ที่ไม่เคยไป แนะนำให้ดูแผนที่อย่างละเอียด ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า จะได้ไม่หลงค่ะ 3.2 หากไม่จำเป็น ให้พาผู้ติดตามมา น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ >> เนื่องจากบางสถานที่ จำกัดจำนวนทีมงานที่เข้าใช้สถานที่ค่ะ การพาผู้ติดตามมาด้วยอาจจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หรืออาจจะไปรบกวนการทำงานของทีมอื่นๆที่ใช้สถานที่ร่วมกันค่ะ นอกจากนี้ การพาผู้ติดตามมาด้วย อาจจะทำให้บ่าวสาว รู้สึกเขินที่จะโพสต์ท่า หรือแสดงออกถึงความรักค่ะ ทำให้ไม่ได้ภาพที่ดีเท่าที่ควร เพราะมีคนรู้จักคอยหัวเราะคอยแซวกันอยู่ใกล้ๆค่ะ  หรือบางครั้งการให้ผู้ติดตาม ตามถ่ายภาพเบื้องหลัง บางครั้ง อาจมีการเข้าไปถ่ายภาพผิดมุม ผิดจังหวะ ก็อาจจะทำให้การทำงานของทีมงานชะงักได้ โดยที่ภาพเหล่านั้นบ่าวสาวเองก็ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไรนอกจากเก็บไว้ดูเล่นๆเท่านั้นเองค่ะ ถ้าหากจำเป็นจะต้องมีผู้ติดตามจริงๆ เช่นกรณี ออกกองนอกสถานที่ ที่ไม่มีห้องพัก ห้องแต่งตัวที่จะเก็บทรัพย์สินมีค่าเอาไว้ได้ จึงต้องมีผู้ติดตามมาด้วย ก็แนะนำให้ พามาได้ 1-2 คน ไม่เกินนี้ค่ะ หรือบ่าวสาวอาจจะเลือกแก้ปัญหาด้วยการพกของมีค่ามาให้น้อยที่สุดแทน ก็ได้ค่ะ 3.3 การเตรียมตัวในวันถ่ายภาพ A. สำหรับเจ้าสาว # วันถ่ายภาพ เจ้าสาวไม่ต้องแต่งหน้าหรือทาครีมอะไรมาเลยค่ะ เพราะสุดท้ายช่างแต่งหน้าก็จะต้องให้ไปล้างหน้าอยู่ดี เพราะการจะแต่งหน้าให้อยู่ทน สวยตลอดวัน ต้องใช้ผลิตภัณฑ์แบบมืออาชีพตามที่ พี่ๆช่างแต่งหน้าเค้าเห็นสมควรนะคะ  ** ถ้าหากแพ้ครีม หรือเครื่องสำอางค์ ชนิดใดเป็นพิเศษหรือรู้สึกว่าตัวเองแพ้ง่าย ก็ให้แจ้งพี่ช่างแต่งหน้า ก่อนที่พี่เค้าจะลงผลิตภัณฑ์อะไรบนหน้าเราได้เลยค่ะ นอกจากนี้ให้ใส่เสื้อมีกระดุมหน้าหรือมีซิป ที่จะสามารถถอดเสื้อ ออกได้โดยไม่ผ่านบริเวณศรีษะค่ะ เวลาแต่งหน้าเสร็จจะได้ไม่เลอะเทอนะคะ # การเตรียมผิวสำหรับวันถ่ายภาพ : – ขอให้เจ้าสาวงดการทำ Laser หน้า  Wax คิ้ว wax หนวด ก่อนการถ่ายภาพอย่างน้อย 1 อาทิตย์นะคะ เพื่อป้องกันผิว burn จากการโดนแดด หรือทำให้ผิวอ่อนแอจนแต่งหน้าไม่ติดค่ะ – ถ้าหากมีสิว ห้ามแกะเด็ดขาดค่ะ เพราะรอยสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอสามารถแต่งหน้ากลบได้ แต่รอยแผลตกสะเก็ด แต่งหน้ากลบยังไงก็เห็นชัดอยู่ดีนะคะ –  การดูแลผิวส่วนอื่นๆ เช่น ผิวใต้วงแขน เรื่องของขน ต่างๆ เช่น ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ให้ดูแลจัดการให้สะอาดเรียบร้อยเลยค่ะ อย่าหวังพึ่งการ Retouch แต่เพียงอย่างเดียวค่ะ เพราะบางจุดก็ไม่สามารถทำออกมาได้เนียนจนคนที่ดูไม่รู้ว่าผ่านการรีทัชมานะคะ # ถ้าหากรู้สึกว่าอยาก ใส่ Contact lens แต่ไม่เคยใส่มาก่อน ให้ลองซ้อมใส่มาก่อนเลยค่ะ ไม่แนะนำให้มาด้นสดวันถ่ายนะคะ บางคนแต่งหน้าเสร็จแล้ว พอมาใส่ Contact lens น้ำตาไหลพรากเริ่มใหม่กันหมดทั้งหน้า  ตาแดงเหมือนคนร้องไห้หนักๆไปตลอดวันเลยก็มีค่ะ # อย่าสระผมในเช้าวันถ่ายภาพค่ะ ถ้าจะสระให้สระคืนก่อนหน้า และถ้าหากเป็นคนผมมัน ให้หลีกเลี่ยงครีมนวดผมค่ะ  ในส่วนของการทำสี ถ้าหากอยากย้อมสี ให้ทำล่วงหน้าก่อนวันถ่ายอย่างน้อย 2 อาทิตย์นะคะ #  สิ่งที่เจ้าสาวต้องเตรียมไปในวันถ่ายภาพ – ชุดชั้นในสีเนื้อ แบบมีโครงที่สามารถถอดสายได้ค่ะ อาจจะเป็นแบบเสริมทรงก็ได้ค่ะ ถ้าอยากเพิ่มความมั่นใจ หรืออยากจะนำฟองน้ำไปเพิ่มก็ไม่ผิดแต่อย่างใดค่ะ สาวๆอย่างเราเน้นคติว่า เหลือดีกว่าขาดจริงมั้ยคะ? แต่แนะนำให้เลือกฟองน้ำเสริมทรง แบบผ้าที่มีน้ำหนักเบานะคะ อย่าพยายามเลือกแบบซิลิโคนเพราะว่าจะค่อนข้างมีน้ำหนักถ้าใส่ไม่ดีอาจจะถ่วงให้ หน้าอกดูคล้อยต่ำได้ค่ะ (สำหรับเจ้าสาวของฟ้าเอเวอร์ โฟโตกราฟฟี่ )  ถ้านึกภาพไม่ออก บีมมีตัวอย่างให้ดูนะคะ –  ถ้าหากรู้สึกว่า ไม่มั่นใจในเรียวขาของตัวเอง […] Read More
สวัสดีค่า  สวัสดีว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกๆท่านที่กำลังจะเตรียมงานแต่งนะคะ หากคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ เพราะบทความนี้จะช่วยคุณในการเปิดเผยชี้แจง ถึง 8 สิ่งที่คู่บ่าวสาว ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิด หรือหลงลืมละเลยไปเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงาน ด้วยความที่เป็นมือใหม่กันทุกคน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่ะ ดังนั้นในฐานะที่บีมและทีมงาน Fahever Photography ที่ทั้งผ่านการแต่งงานจัดงานของตัวเองมาแล้วและยังมีโอกาสได้มีส่วนร่วม เห็นงานแต่งปีๆนึง ร่วมร้อยกว่างานวันนี้ก็จะขอมาตีแผ่สิ่งที่เรียกได้ว่า คนที่กำลังจะแต่งงาน “จำเป็นต้องรู้” กันแบบหมดเปลือกเลยนะคะ     เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ    ### 1.ความเข้าใจผิด — > พิธีกรหรือแม่งานนั้นเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ทำกันเองก็ได้ ความเป็นจริงแล้ว >> สำหรับงานเช้าที่เป็นพิธีการนั้นการจ้างพิธีกรหรือแม่งานที่มีประสบการณ์นั้นจะช่วยลดบรรยากาศความตึงเครียดที่มักจะเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในงานเช้าได้เป็นอย่างดีค่ะ บางคนอาจมองว่าไม่สำคัญแต่แท้จริงแล้ว สำคัญ มากๆๆๆ ที่level 10 เลยล่ะค่ะ ลองนึกภาพดูนะคะว่า งานหมั้นที่เงียบๆไม่มีพิธีกรแขกเหรื่อที่อุตส่าเชิญมานั่งต้องคอยชะเง้อคอมองเพราะไม่รู้ว่าบริเวณเวทีหรือแท่นพิธีนั้นทำอะไรกันอยู่บ้าง ก็คงจะทำให้แขกเบื่อและงานกร่อยไปโดยปริยายนะคะ การมีพิธีกรที่มีประสบการณ์ เขาจะช่วยในการทำให้บรรยากาศดูน่าสนใจขึ้นค่ะ เรียกง่ายๆว่าช่วยบิ้วแขกนั่นเองค่ะ งานที่มีเสียงหัวเราะเสียงปรบมือเป็นระยะๆย่อมทำให้แขกเหรื่อผู้หลักผู้ใหญ่รู้สึกดีมากกว่าจริงมั้ยคะ?   >> และสำหรับงานเย็น พิธีกรงานแต่งที่Professional จะช่วยคุณได้มาก ทั้งในแง่ของการทำให้งานนั้นดูสนุก Smooth ราบรื่น ไม่ติดขัด คุณอาจจะเคยมีโอกาสได้ไปงานแต่งงานที่คู่บ่าวสาวไปเชิญเพื่อนที่พูดเก่งๆมาเป็นพิธีกร แต่พอถึงเวลาเพื่อนขึ้นเวทีเจอไฟส่องหน้าเจอคนหลายร้อยเข้าไปก็เกิดอาการอึ้งกิมกี่ พูดไปออกเสียงสั่น ตะกุกตะกัก พูดผิดๆถูกๆ บางคนอาการหนัก อ่านตามสคริปต์ทุกตัวอักษรจนขาดความเป็นธรรมชาติทำให้งานดูน่าเบื่อไปเลยค่ะ กลับกัน พิธีกรงานแต่งที่ชั่วโมงบินสูงๆ จะช่วยคุณได้ตั้งแต่การทำให้งานที่ดูไม่มีอะไร ดูมีอะไรขึ้นมาค่ะยังไม่นับความสามารถในการแก้ป้ญหาเฉพาะหน้ากรณี Presentationเจ้ากรรม ดันติดๆดับ เกิด Dead air เงียบสงัดขึ้นมา พิธีกรงานแต่งเก่งๆจะสามารถแก้สถานการณ์ไปได้แบบชิลๆเลยค่ะ นอกจากนี้ ถ้าคุณเกิดพูดไม่เก่ง สัมภาษณ์แล้วเกิดเขินหูอื้อถามอะไรงงมึนไปหมดพิธีกรงานแต่งเก่งๆ เขาสามารถช่วยคุณได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ แถมท้ายด้วยการแต่งกายที่ถูกต้องเหมาะสมตามกาละเทศะ ตามธีมงานของคุณ ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการแย่งซีนบ่าวสาวเกิดขึ้นบนเวทีค่ะ ซึ่งในเรื่องของการแต่งกายนี้ แม้พิธีกรงานแต่งที่รับเงินบางท่านก็อาจจะมีพลาดๆบ้างต้องสอบถามล่วงหน้าก่อนจ้างค่ะ เพราะต่อให้พูดเก่งแต่ First Impression เรื่องการแต่งกายไม่โอเคแล้วล่ะก็ แขกผู้ใหญ่ซึ่งโดยมากเราจะจัดให้นั่งอยู่หน้าเวทีนั้น ท่านคงจะไม่ปลื้มเป็นแน่ค่ะ   > มาถึงในส่วนของแม่งานบ้าง ทั้งงานเช้าและงานเย็น แม่งานจะทำหน้าที่หลักเหมือนกันเลยค่ะ นั่นคือ ทำทุกๆอย่างเพื่อให้งานออกมาPerfect ที่สุดโดยไม่ให้บ่าวสาวต้องกังวลจนออกอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดค่ะ บางคนอาจจะยังไม่คุ้นและมีข้อสงสัยว่า “แม่งานทำอะไรบ้าง?” แม่งานเก่งๆ จะทำตั้งแต่ดูแลว่าคุณทานน้ำหรือยัง?  อยากเข้าห้องน้ำแต่ชุดยาวเข้าไม่ถนัดจะทำอย่างไร? ของชำร่วยกรอบรูปของตกแต่งหน้างานที่บ่าวสาวเตรียมไว้อยู่ถูกที่ถูกทางหรือไม่? สอนแม้กระทั่งเทคนิคการเดินให้สวยสง่าในชุดเจ้าสาวลากยาวที่แทบจะทุกคนเคยใส่เป็นครั้งแรก ก็วันงาน รวมไปถึงระบุขั้นตอนพิธีการต่างๆทั้งส่วนของงานเช้าและงานเย็น ว่าควรทำอะไรตามลำดับก่อนหลังอย่างไรค่ะ เรียกได้ว่า เปรียบเสมือนผู้แทนบ่าวสาวที่จะจัดการทุกๆอย่างในงานแต่งแทนบ่าวสาวโดยที่บ่าวสาวไม่ต้องเครียดหรือวิ่งไปวิ่งมาเองเลยแม้แต่น้อยค่ะ   บีมถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงทุนเป็นอย่างยิ่งค่ะ อย่าไปหวังพึ่งเพื่อนนะคะ เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานๆพอมาเจอกันอีกครั้งในงานแต่งคุณเค้าก็ห่วงจะแต่งตัว ห่วงเม้ามอยกันระหว่างเพื่อนๆ ห่วงจะกินจะถ่ายรูปค่ะ น้อยมากที่จะมานั่งช่วยงานอย่างจริงๆจังๆ ลองถามตัวเองดูค่ะว่าคุณรู้หรือไม่ ว่าลำดับพิธีการทำอะไรบ้าง 12345  ถ้าตอบได้เคลียร์แบบไม่มีข้อสงสัย ก็ลองจัดการเองดูก็ได้ค่ะไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม  แต่ถ้าหากว่าไม่ และยังไม่แน่ใจว่าเพื่อนคนไหนจะมาช่วยตอนกี่โมงได้บ้าง บีมก็คิดว่าการเสียเงินเพิ่มนิดหน่อยแลกกับความสบายกายสบายใจนั้นคุ้มค่าอยู่ไม่น้อยนะคะ   ### 2. ความเข้าใจผิด >> ช่างภาพไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไว้จองทีหลังก็ได้ ความเป็นจริง >>  นอกจากห้องจัดเลี้ยงแล้ว ช่างภาพและช่างวีดีโอแทบจะเป็นอย่างเดียวเลยค่ะ ที่แยกร่างไม่ได้ หมายความว่า ถ้าคุณชอบผลงานถ่ายภาพของเจ้าไหน แล้วอยากให้คนๆนั้น หรือทีมนั้นมาถ่ายภาพให้คุณ คุณควรรีบจองและวางมัดจำค่ะ เพราะช่างภาพเก่งๆ สมัยนี้ มักไม่ค่อย ใช้วิธีการ สร้างแบรนด์แล้วแยกทีมไปถ่าย เพื่อให้รับงานได้วันนึงหลายๆเจ้ากันแล้ว โดยมาก ช่างภาพ 1 ทีมก็จะมีช่างภาพประจำซึ่ง แน่นอนว่า 1 คน จะสามารถรับได้แค่ 1 งานต่อช่วงเวลาเท่านั้น  เพราะฉะนั้น หากว่าคุณจองช้า คุณอาจจะไม่ได้คิวของช่างภาพที่คุณชอบ กลายเป็นว่าต้องจำใจไปเอาเจ้าอื่นที่แพงกว่าหรือไม่ได้ชอบมากนักไปโดยปริยายซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นค่ะ  ช่างแต่งหน้ายังอาจจะมีวิ่งงานกันได้ค่ะ แต่งเจ้าแรกตอนบ่ายโมงเจ้าที่สองตอนบ่ายสามเจ้าสุดท้ายตอน 5  โมงเย็น ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่ช่างภาพทำไม่ได้แน่นอนค่ะ เพราะเขาจะต้องมาเตรียมเซ็ทไฟหน้าซุ้มถ่ายรูป มาเก็บภาพตอนคุณแต่งหน้า เรียกง่ายๆว่าอยู่กับคุณตั้งแต่4 โมง ยัน 4 ทุ่มนั่นแหละค่ะ พูดกันตามตรง รูปถ่ายและวีดีโอ แทบจะเป็นสิ่งเดียวที่เมื่อคุณลงทุนไปแล้วคุณสามารถเก็บเอาไว้ดู ไว้นึกถึงได้ตลอดชีวิตจนกว่าคุณจะทำไฟล์ภาพหายนั่นแหละค่ะ  ของตกแต่งหน้างานเลิกงานก็ต้องทิ้งต้องคืน เครื่องสำอางก็ต้องลบต้องล้าง แต่ภาพถ่าย คุณสามารถเก็บไว้ได้จนลูกตัวน้อยๆของคุณเกิดมาจนโตรู้ความเลยล่ะค่ะเพราะงั้นหากอยากได้ช่างภาพที่ถูกใจ ถูกสตางค์ ก็อย่าละเลยความสำคัญนะคะ รีบจองซะตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ   ###  3. ความเข้าใจผิด >> โรงแรมเป็นคำตอบของทุกสิ่ง ความเป็นจริง >> โรงแรมระดับ 5 ดาวอาจจะสามารถเป็นคำตอบของทุกอย่างค่ะแต่แน่นอนว่า ไม่แน่เสมอไป เช่น ไฟfollow ไอ้เจ้าไฟขาวๆหน้าตาเป็นกระบอกๆที่สามารถขยับเคลื่อนที่ตามตัวคู่บ่าวสาวได้ บางครั้งไม่ได้มากับแพคเกจของทุกโรงแรมนะคะ หากอยากได้ต้องเสียเงินเพิ่ม หรือแม้กระทั่ง เพลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดตัว ตัดเค้ก โยนดอกไม้ บางคู่คิดว่าโรงแรมมีให้  อันที่จริงเขาก็มีค่ะ แต่คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าเค้าจะไม่เอาเพลงเก่าจนเชย หรือเพลงที่ไม่ใช่สไตล์ที่คุณมาเปิดให้คุณ  ทางที่ดี มันเป็นหน้าที่ของบ่าวสาวที่จะต้องจัดการเลือกและ ไรท์เพลงลงแผ่นCD ให้เรียบร้อยเพื่อนำไปให้เขาเปิดให้ค่ะ หรือบางคู่คิดว่า […] Read More
สวัสดีค่ะ ว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายกันไปนาน เลยทีเดียวนะคะ แต่กลับมาคราวนี้ก็รับรองเลยว่าไม่เทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ เพราะว่าวันนี้ พวกเรา FAHEVER PHOTOGRAPHY จะมาพูดคุยกันถึง เรื่องราวของการจ้างช่างภาพงานแต่ง ที่จะมาทำหน้าที่ในการเก็บภาพ เพื่อบันทึกความทรงจำในวันสำคัญของคู่บ่าวสาวค่ะ เนื่องจากว่าเวลาที่มีคู่บ่าวสาวโทรเข้ามาเพื่อพูดคุย สอบถามคิวงานกับพวกเรานั้น ก็มักจะมีคำถามยอดฮิตค่ะ ที่ถามกันเข้ามามากมายเกี่ยวกับ รายละเอียดการจ้างช่างภาพ ทำให้พวกเราคิดว่า น่าจะยังมี ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว หลายๆท่านที่มีข้อสงสัยแบบเดียวกัน วันนี้พวกเราก็เลยจะมาไขข้อข้องใจเหล่านั้น เพื่อให้คู่บ่าวสาว มองเห็นภาพกันมากขึ้นค่ะ อ๊ะๆ !!! แต่ต้องขอออกตัวกันก่อนเลยนะคะว่า ข้อความที่พวกเราเขียนทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่มาจากประสบการณ์ แนวคิด และ แนวทางการทำงานของพวกเราล้วนๆนะคะ ไม่ได้มี ใครหรือตำราไหนเขียนยืนยันเอาไว้ค่ะ ซึ่งนั่นแปลว่า สิ่งที่พวกเรากำลังจะบอกนั้น ไม่ใช่การเหมารวมว่า ช่างภาพท่านอื่นๆจะต้องเป็นแบบเดียวกันไปซะทั้งหมด 100% นะคะ เป็นเพียงการให้แนวทางแบบคร่าวๆ เพื่อให้คู่บ่าวสาว มองเห็นภาพกันมากขึ้น ผ่านมุมมองของพวกเราเท่านั้นค่ะ เกริ่นกันมาขนาดนี้แล้ว เชื่อว่า ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ที่กำลังนั่งคิ้วขมวดกันอยู่ที่หน้าจอตอนนี้ คงจะอยากทราบแล้วค่ะว่า 10 ข้อควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพ นี้ มีอะไรกันบ้าง ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ   >>>1. ช่างภาพนั้นสำคัญไฉน คู่บ่าวสาวหลายคู่นั้น จัดเต็ม ลงทุนอลังการล้านแปดกับทุกอย่าง แต่กลับลืมให้ความสำคัญกับช่างภาพ ทั้งๆที่ช่างภาพ เป็นกลุ่มคนที่จะสามารถ เก็บบันทึก ถ่ายทอด ทุกสิ่งทุกอย่างที่คู่บ่าวสาวได้ลงทุนลงแรงไปให้สามารถอยู่กับคุณได้ตลอดค่ะ บางคนคิดว่างานแต่งงาน ของตัวเองนั้น ไม่สวย บ้านๆ ไม่ได้ตกแต่งอะไร ไม่ต้องจ้างช่างภาพ เก่งก็ได้ ยังไงก็เหมือนกัน แต่ที่จริงแล้ว ช่างภาพแต่งงานมืออาชีพที่ เก่งๆ นั้น สามารถ ถ่ายงาน บ้านๆ ให้ออกมา สวยงาม และน่าจดจำได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะคะ อีกอย่าง ในงานแต่งงาน งานหนึ่งนั้นตัวคู่บ่าวสาวเองไม่สามารถเห็นได้ครบทุกเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองหรอกค่ะ คนที่จะสามารถไปรวบรวมภาพความทรงจำเหล่านั้นมาให้คุณได้ก็เห็นจะเป็นช่างภาพนี่แหละค่ะ เห็นความสำคัญของช่างภาพกันไปแล้ว หากตัดสินใจว่า เอาล่ะ!! ในงานแต่งงานของฉัน ฉันจะจ้างช่างภาพมาเก็บภาพให้ ลองไปอ่านหัวข้อต่อๆไปกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรบ้างที่คู่บ่าวสาวควรจะคำนึงถึงหากคิดจะจ้างช่างภาพ ในงานแต่งงานของคุณค่ะ   >>>2. ทำไมต้องช่างภาพ 2 คน โดยมากแล้วบ่าวสาวคิดว่า จำนวนของช่างภาพ น่าจะขึ้นอยู่กับจำนวนของแขกที่เราเชิญมา แต่ความเข้าใจนี้จริงๆ ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว เรื่องของจำนวนแขกนั้นจะมีผลต่อจำนวนช่างภาพ  ก็เฉพาะกรณีที่แขกมากกว่า 300 ไปแล้วค่ะ บ่าวสาวบางคู่อาจจะคิดว่า แขกน้อย เราจัดงานง่ายๆที่บ้าน งานเล็กๆ แขกแค่ 50-60 คน จ้างช่างภาพคนเดียวก็คงจะพอ แต่หารู้ไม่ว่า ที่จริงแล้ว ช่างภาพ 2 คนที่เรากำลังแนะนำให้จ้างนั้น จะมีหน้าที่ต่างกันไปค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าภาพที่ได้จากแต่ละตำแหน่งก็จะแตกต่างกันค่ะ หากบ่าวสาวไม่ได้มีปัญหาเรื่องงบประมาณมากนัก ทีมงาน FAHEVER PHOTOGRAPHY ก็อยากจะแนะนำให้คู่บ่าวสาวนั้นจ้างช่างภาพ 2 คนเป็นอย่างน้อยค่ะ แต่ก็ต้องยืนยันนะคะ ว่าการเลือกช่างภาพคนเดียวไม่ใช่ เรื่องผิดอะไรค่ะ เพียงแต่อยากเสนอเรื่องนี้ไว้เพื่อเป็นตัวเลือกนึงของคู่บ่าวสาว ก่อนการตัดสินใจค่ะ       >>> 3. หน้าที่ของช่างภาพงานแต่ง แต่ละตำแหน่งต่างกันอย่างไร? จากข้อแรกที่เราเกริ่นกันไปว่า ช่างภาพแต่ละตำแหน่งนั้น ถ่ายภาพออกมาในคนละรูปแบบกัน เรามาทำความเข้าใจเพิ่มกันค่ะว่า ความต่างที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ ต่างกันอย่างไร   # ช่างภาพหลัก หรือช่างภาพพิธีการ จะทำหน้าที่ในการ ถ่ายมุมหน้าตรงๆ ครบๆเห็นชัดๆ เช่นในรูปค่ะ ซึ่งรูปลักษณะนี้มักจะเป็นที่ต้องการของคุณพ่อคุณแม่ และแขกผู้ใหญ่ค่ะ เห็นชัดเห็นครบว่าใครมาบ้างใครทำหน้าที่อะไร ช่างภาพหลักนี้โดยทั่วไป ใช้งานละ 1 คนก็น่าจะเพียงพอค่ะ ยกเว้นกรณีแขกเยอะมากๆ หลัก1,000 คนอาจจะต้องมีสำรองเปลี่ยนหน้าที่กันบ้าง อาจจะเห็นว่าก็มุมง่ายๆ ใครถ่ายก็ได้ แต่บอกได้เลยค่ะ ว่าช่างภาพที่จะมารับหน้าที่นี้ ก็ต้องมีความสามารถ ที่จะบริหารจัดการเวลากับจำนวนแขก รวมไปถึง สร้างเสียงหัวเราะให้กับแขกที่มาในงานเพื่อให้บรรยากาศในงานสนุกสนานเฮฮาและน่าจดจำ ไปพร้อมๆกันด้วยค่ะ มาชมมุมที่จะได้จากช่างภาพพิธีการกันค่ะ   # ช่างภาพแคนดิด (Candid) จะทำหน้าที่ในการ เก็บมุมทีเผลอ มุมอลังการ มุมเก๋ๆ ให้กับคู่บ่าวสาวค่ะ ซึ่งโดยมากแล้วคู่บ่าวสาวและเพื่อนๆ ก็มักจะชื่นชอบชื่นชม ถูกอกถูกใจกับมุมสวยๆเหล่านี้แหละค่ะ ช่างภาพแคนดิดที่ดีจะต้องสามารถเก็บบรรยากาศเก็บอารมณ์ของบ่าวสาวในทุกๆ moment ให้ออกมาอยู่ในรูปแบบของภาพความทรงจำไว้ให้ครบถ้วนและ น่าจดจำที่สุดค่ะ ซึ่งจำนวนของช่างภาพแคนดิดนี่แหละค่ะ ที่จะขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดงานและ จำนวนแขกค่ะ ตัวอย่างเช่นแขก งานเช้า 50-60 […] Read More
สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวมือใหม่ ที่อาจจะตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อน  หรือเริ่มจากตรงไหนดี สำหรับใครที่ไม่มีเวลาและพอจะมีงบประมาณ อย่าเพิ่งทำอะไรค่ะ ให้คุณคุยกับ Wedding Planner ของคุณก่อนเป็นอย่างแรกค่ะ เพราะเวดดิ้งแพลนเนอร์ จะช่วยดูแลคุณตั้งแต่การวางแผนควบคุมงบประมาณ สรรหาทุกๆอย่างที่คุณอยากได้มาให้คุณ ไปจนถึง การเป็นกันชนไม่ให้คุณมีปากเสียงกับว่าที่เจ้าบ่าวอีกด้วยค่ะ แต่ถ้าหากใครคิดว่า งานแต่งของชั้น ทั้งที ชั้นอยากจะลงมือทำทุกๆอย่าง  เลือกทุกอย่างด้วยตัวชั้นเอง อีกทั้งอยากจะประหยัดงบประมาณไปในตัว วันนี้ทีมงาน FAHEVER PHOTOGRAPHYแนวทาง การเตรียมตัวเข้าสู่พิธีแต่งงาน แบบง่ายๆมาฝากค่ะ เริ่มต้นจาก   1. อย่างแรกเลยต้องหาฤกษ์มงคล กำหนดวันแต่งงานค่ะ (จะได้รู้ว่าเรามีเวลามากแค่ไหน) อันนี้อยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคล บ้างก็ไปให้พระดู , หมอดู , พ่อแม่ หรือบางคนอาจถือ ฤกษ์สะดวกก็ แล้วแต่เลยค่ะ แต่ขอให้เคลียร์กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพล มีส่วนในการ ตัดสินใจของทั้ง 2 ฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน ให้เรียบร้อยซะก่อนนะคะ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลังค่ะ   2. ฝ่ายชาย เตรียมสินสอด ทองหมั้น เรือนหอ และอื่นๆเช่น เลือกแหวนแต่งงาน ถ้ามีแบบในดวงใจแล้วก็สามารถที่จะสั่งทำได้ หรือว่าจะไปดูที่ร้าน แล้วบอกงบ ประมาณให้ทางร้าน ออกแบบให้ก็ได้ อันนี้แล้วแต่สะดวก เตรียมเอาไว้ให้พร้อมตามที่ ตกลงกันกับทางฝั่งว่าที่เจ้าสาวนะคะ ซึ่งอันนี้มากน้อยนั้นไม่สำคัญค่ะ แค่รักมั่นคง จริงใจต่อกันก็พอแล้วเนอะ ^_^   3. คิดรูปแบบของงานเลยค่ะว่าอยากได้แบบไหน ทั้งในส่วนของงานเช้าและงานเย็น อาจคิดไปถึง Theme งานที่สมัยนี้นิยมให้มี ธีมสี มี Gimmick กันเป็นเรื่องเป็นราวเลยก็ทำได้ค่ะ (ทางที่ดีค่ะ คำแนะนำเดิม อย่าลืม!!! พูดคุย สอบถามกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพล มีส่วนในการตัดสินใจของทั้ง 2 ฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน ให้เรียบร้อยซะก่อนนะคะ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลังค่ะ) จะจัดทั้งหมดกี่วัน กำหนดให้แน่ชัดเลย เพราะแต่ละคู่จะไม่เหมือนกันค่ะถ้าเชื้อสายจีนก็จะมีฤกษ์ หลายฤกษ์ทีเดียว เราจะได้วางแผนกันได้ถูกทั้งในเรื่องของเวลาและงบประมาณจ้า ตัวอย่างเช่น งานพิธีมงคลสมรสช่วงเช้า จะมีอะไรบ้าง ลิสต์ไว้เลยค่ะ บางคู่ อาจจะมี เชื้อสายจีนทั้งคู่ ก็อาจจะมีแค่พิธีหมั้นยกน้ำชาอย่างเดียว / บางคู่ ฝั่งนึงไทย ฝั่งนึง จีน ก็อาจจะต้อง ครบ ทั้งพิธีสงฆ์ พิธีหมั้น ยกน้ำชา ไหว้ผู้ใหญ่  หลั่งน้ำพระพุทธมนต์ หรือ รดน้ำสังฆ์ จดทะเบียน  พิธีส่งตัว ปูเตียง อะไรก็ว่ากันไป ตามแต่ทั้งสองบ้าน ย้ำนะคะ!!! ทั้งสองบ้านไม่ใช่สองคน จะตกลงกันค่ะ   4. รวบรวมรายชื่อของแขกที่จะเชิญมาในงาน หรืออย่างน้อยๆต้องได้จำนวนแขกที่ค่อนข้างแน่นอนค่ะ ที่สำคัญต้องไม่ลืมปรึกษาผู้ใหญ่ด้วยในส่วนนี้นะคะ งานลูกสาวลูกชายทั้งที ท่านอยากจะเชิญใครมาเป็นเกียรติบ้าง สอบถามระบุให้แน่ชัดค่ะ จะได้คำนวนงบประมาณ รวมถึงเลือกสรร สถานที่ให้เหมาะสมค่ะ แขกเยอะห้องเล็กๆแคบก็จะทำให้ดูอึดอัดไม่สะดวกสบาย หากแขกน้อยห้องใหญ่เกินไปก็จะกลายเป็นว่างานแต่งของเราดูร้างๆไปซะ อย่างงั้น  ถ้าจะให้ดีควรทราบอายุเฉลี่ยของแขกส่วนมากด้วยค่ะ เพราะจะมีผลกับรูปแบบงานที่จะจัดอีกด้วยค่ะ ตัวอย่างเช่น งานเย็นถ้าบ่าวสาวเน้น เลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเป็นหลัก อยากจะจัดงานเลี้ยงค๊อกเทลแบบวัยรุ่นก็คงไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าหากว่ามีแขกผู้ใหญ่มากกว่า 40% ของจำนวนแขกในงานทั้งหมด จะให้มายืนกันนานๆหลายๆชั่วโมงก็เห็นทีจะไม่ไหว ทำให้งานแต่งงานของเราไม่เป็นที่น่าประทับใจไปโดยปริยายค่ะ   5.เมื่อได้รูปแบบแล้วก็จัดแจงจองและมัดจำสถานที่ ให้เรียบร้อยเลยค่ะ ทั้งในส่วนของพิธีเช้าและเย็น เพื่อให้มั่นใจได้แน่ๆว่าเรามีที่จัดงานแล้วนะ พยายามเลือกที่เดินทางสะดวก ที่จอดรถ ห้องน้ำห้องท่ามีเพียงพอเป็นหลักค่ะไว้บีมจะมาเขียนเทคนิคการเลือกสถานที่และอื่นๆให้ ฟังกันเป็นตอนๆไป ในคราวต่อๆไปนะคะ ส่วนคู่บ่าวสาวคู่ไหนที่เลือกใช้สถานที่ ที่ไม่ได้มี อาหารมาให้ในแพ็คเกจ การจองโต๊ะจีน หรือCatering ก็ควรจัดอยู่ในส่วนนี้นะคะ   6.เลือกจองและมัดจำ ช่างภาพ ช่างวีดีโอ และช่างแต่งหน้า ค่ะ สาเหตุที่บีมลิสต์สิ่งนี้มาให้ทำเป็นอย่างแรกๆก็เพราะว่า ช่างภาพ ที่ดี มีมาตรฐาน  ที่จะมาเก็บบันทึกความทรงจำในวันสำคัญของ คู่บ่าวสาว แต่ละคู่นั้น แยกร่างไม่ได้ค่ะ  วันฤกษ์ดีในแต่ละปี ก็มีไม่มากนัก ซินแส หมอดูก็มักจะให้ฤกษ์เหมือนๆกัน เพราะฉะนั้น ใครรีบจองและวางมัดจำก่อน มีสิทธิ์ก่อนค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าการสอบถามพูดคุยปากเปล่า ที่ไม่ได้มีการตกลงค่าใช้จ่าย ทำสัญญา มีเอกสารยืนยันคิวงานและการโอนเงินแบบเป็น กิจจะลักษณะ นั้น ไม่ถือว่าเป็นการจองคิวในทางธุรกิจอยุ่แล้วค่ะ ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้ช่างภาพที่เราชื่นชอบ ชื่นชมในผลงานมาถ่ายภาพให้เราในวันแต่งงานจริงๆ พวกเราจึงแนะนำให้รีบจองตัวกันแต่เนิ่นๆค่ะ เพราะในวันฤกษ์ดีหรือศัพท์เทคนิคที่พี่ๆ ช่างภาพเค้าเรียกกันว่า”วันฮอต” ของแต่ละปี ช่างภาพฝีมือดีๆจะถูกจองตัว มัดจำกันไป อย่างรวดเร็วมากค่ะ บางคนถูกจองกันข้ามปีเลยทีเดียว  / ในส่วนของช่างแต่งหน้าก็เช่น กันค่ะ บางท่านอาจจะมีวิ่งงานกันบ้างเช่น งานเย็นรับ 3 งาน แต่งเจ้าสาวคนแรกตอนบ่ายโมง […] Read More